Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

บทที่3 : ภาระที่คาดไม่ถึง

Go down

02122010

ตั้งหัวข้อ 

บทที่3 : ภาระที่คาดไม่ถึง   Empty บทที่3 : ภาระที่คาดไม่ถึง




บทที่3 : ภาระที่คาดไม่ถึง

“ตื่นเถิด...”

...
.....

“ตื่นเถิด...”


เสียงปลุกเบาๆของบาทหลวงชราไม่ได้แทรกเข้าสู่โสตประสาทของเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

... เด็กผู้นอนอยู่กลางโบสถ์ตั้งแต่เมื่อวานเย็น โดยไม่มีใครเข้าไปปลุก …

“เฮ้อ... ”บาทหลวงชราเริ่มท้อใจ และหันหลังให้กับเด็กหนุ่มที่หลับราวกับตายอยู่ข้างชั้นหนังสือในโบสถ์

“ดิฉันว่า .. ท่านล้มเลิกความพยายามจะปลุกเขาเถอะค่ะ.. เอ่อ...ท่านสาธุคุณมอร์เร่ย์คะ? ให้ดิฉันลากไปเลยมั้ย? ”

นักบวชสาวกระตุกพรมบริเวณที่เด็กหนุ่มนอนให้เรียบ พร้อมด้วยสายตาเชิงเบื่อหน่าย



“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ... และข้าจะไม่คิดมากเลย หากขวานที่เขานำมาด้วย มันเป็นสิ่งของธรรมดาๆ...”

บาทหลวงชราพูดด้วยสีหน้าสงสัยระคนหวาดหวั่น

“และจะดีกว่านั้น ถ้ามันไม่บังชั้นหนังสือของข้า...” นักบวชฝึกหัด ยอน บ่นพึมพำอย่างเสียมิได้



ปึง!! “และจะดีกว่านี้.. หากเจ้าเบิ่งตาดูดีๆ ว่าเจ้าเด็กนั่น กับขวานเล่มนั้น...ไม่ได้เดินมาด้วยเท้าสองข้างแบบเจ้า..”

ประตูโบสถ์ถูกผลักให้เปิดออก พร้อมด้วยเสียงอันก้องกังวาลของพาลาดินหนุ่มผู้หนึ่ง

สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องเขาทุกการกระทำ



“สวัสดี ท่านฮอล์ลอฟ” สาธุคุณมอร์เร่ย์ทักทายด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ไม่เจอกันนานนะท่าน พาลาดินผู้สูงงงง ศักดิ์….”

น้ำเสียงเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัดของยอนแสดงถึงความรู้สึกที่เขามีต่อชายคนนี้

… หากไม่เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนอกรีตก็คงไม่พ้นฆาตกรในคราบนักรบแห่งศาสนจักร ....



“เฮ้ๆ หนุ่มน้อย ตื่นได้แล้วเช้าแล้ว ตะวันส่องแล้ว นอนมากเสียสุขภาพหมด”

ด้ามหอกเหล็กถูกกระแทกเข้าที่พื้นบริเวณขาของเด็กหนุ่มเป็นเชิงปลุก

นักบวชสาวสะดุ้งพลางมองด้วยสายตาหวาดเสียว “อย่าสิท่าน พลาดมาจะทำอย่างไร”

ปึ้ก!! “โอ้ย!!” ด้ามหอกมู่ทู่พลาดจากพื้นกระแทกลงบนต้นขาเด็กหนุ่มอย่างแรง

ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งตื่นผุดลุกขึ้นมาด้วยท่าทีร้อนรน พร้อมสายตางุนงง .. ที่นี่คือที่ไหน?? ..

“ก็ทำแบบนี้ไง … ”ไม่ทันให้พักหายใจ มือของพาลาดินหนุ่มพุ่งเข้าไปรวบตัวเขาไว้ “เจ้า ได้ขวานเล่มนี้มาจากไหน พ่อหนุ่มน้อย?”



สายตาของเด็กหนุ่มมองกวาดไปหยุดลงที่ขวานหินเล่มมหึมา กลุ่มก้อนความทรงจำในหัวเขาค่อยๆจัดเรียงเป็นรูปเป็นร่าง

นัยน์เนตรของเขามองไปรอบอาณาบริเวณที่เขานั่งอยู่.... โบสถ์ในเซาท์เทิร์นฟอร์ท ....



“เห้ย ไม่เอาที่นี่!! อย่าพาข้าไปที่ ... ” เสียงโวยวายของหนุ่มน้อยหยุดลง

... ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งปลายหอกที่จ่ออยู่บนคอหอยเขากระมัง ...

“ข้าถามถึงที่มาของขวาน ไม่ ใช่ บ้าน ของ เจ้า ...”

พาลาดินหนุ่มขยิบตาเป็นเชิงเน้นย้ำความกลัวของเด็กหนุ่มผู้มีอดีตกับเมืองแห่งนี้



“ก็ๆๆ .. ผมไปเจอมันอยู่ที่ก้นเหวกะซากโครงตัวบ้าอะไรไม่รู้ พอจับโดนมัน ผมก็มาโผล่ที่นี่แล้วอ่ะ”

ภาพหนุ่มน้อยทำหน้าเจื่อนๆพร้อมท่าทีลุกลี้ลุกลนส่งผลให้คนรอบข้างขาดความเชื่อถือ

... ยิ่งกับเรื่องที่เหลือเชื่อแบบนี้แล้วด้วย …

นักบวชยอนส่ายหัวพลางหันไปเก็บหนังสือเข้าไปในชั้นวางหนังสือ...



“ข้าเชื่อ” นักรบแห่งแสงหนุ่มนามฮอล์ลอฟเอ่ยเบาๆ .... นักบวชทั้งโบสถ์หันมามองด้วยท่าทีราวกับเห็นคนออกลูกเป็นลิง …

“เชื่อไปได้ไง.. ไร้สาระ..” นักบวชยอนพึมพำก่อนจะโดนสายตาเชิงดุของท่านสาธุคุณมอร์เร่ย์ตวัดมาจ้อง



“ถ้าเจ้าไม่ได้โกหก บอกข้าที ว่าเจ้ากระตุ้นพลังของขวานเล่มนี้ได้อย่างไร ถ้าตอบไม่ได้ชั้นจะเชือดคอแก”

พาลาดินขู่เด็กหนุ่มด้วยท่าทีเอาจริง ทำเอาบาทหลวงชรารีบหมุนโทรศัพท์ติดต่อมูลนิธิคุ้มครองเด็กอย่างร้อนรน

“ผมไม่ทราบ ผมเพียงแต่สัมผัสมัน...” สายตาสั่นคลอนของเด็กหนุ่มจ้องตรงเข้าสู่นัยน์ตาของชายผู้อยู่เบื้องหน้า

ฮอล์ลอฟอมยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับเอามือตบบ่าของเด็กหนุ่มเบาๆ

“จิตใจเจ้ามีแต่ความสัตย์จริง สหายข้า ไม่เสียแรงที่ลุงของเจ้าฝากงานให้เจ้าทำ”

“ห๊ะ?! ท่านรู้จักลุง.. เอ้ย ท่านผู้พันคาร์เตอร์ด้วยหรือ?” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง

... ภารกิจแรกยังไม่ทันได้เริ่ม เขาจะโดนลากตัวกลับบ้านแล้วหรือ...



เท้าของเขาที่ไวพอๆกับความคิดพาตัวเขาโกยอ้าวออกไปทางประตู

ปึ้ก!! แข้งของเด็กหนุ่มฟาดลงกับขวานหิน ริมฝีปากของเขาจูบกระแทกลงกับพรมสีแดงกลางโบสถ์



...ในเวลานั้นอักขระสีฟ้าบนขวานเรืองแสงขึ้นมาจางๆอีกหนหนึ่ง....



“อย่าใจร้อนดิฟะ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ชั้นไม่จับแกส่งให้.. เอ่อ ผู้ปกครองของแกหรอกเฟ้ย”

มือหนาของชายหนุ่มคว้าคอเด็กน้อยขึ้นมา “ขาหักป่าวหว่า..”

เปรี๊ยะ!!

ขวานหินเล่มเขื่องเกิดรอยร้าวผ่าผ่านทุกอักขระที่เรืองแสงบนด้ามและใบขวาน

เศษศิลาโบราณค่อยๆหลุดร่วงลงมาราวกับถูกกะเทาะ

โพละ!!

แผ่นหินหนาทึบแตกกระจายออกจากเหล็กเนื้อดีภายใน เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของขวานเล่มนี้

... ใบขวานสีน้ำตาลบางเฉียบราวกับดาบ สิ่งที่เตะตาที่สุดเห็นจะเป็นอัญมณีสีมืดที่ประดับอยู่กลางขวาน ...



ฟู่วว

ลมหายใจร้อนระอุถูกเป่ารดลงบนหลังใบหูเด็กหนุ่มเบาๆ ... ทำเอาหน้าแดงเป็นมะเขือสุก ...

“ชะรอย เราจะเจอผู้โชคร้ายซะแล้ว แบกมันไปกับแกซะ” ว่าแล้วขวานเล่มเล็กเท่าเก้าอี้ก็ถูกยัดใส่มือเด็กน้อย

พาลาดินหนุ่มยิ้มด้วยความร่าเริง ... ภาระอันหนักอึ้งได้เลือกเจ้าของของมันซะแล้ว ...

“เดี๋ยวๆๆ ท่านจะให้ข้าเอามันไปทำอะไร?” มือน้อยๆรับขวานไว้ด้วยสายตาแปลกใจ .. ก่อนจะเห็นว่ามันไม่หนักเลย ..

“ปกป้องมันจากเงื้อมมือผู้อื่น” ฮอล์ลอฟก้มตัวลงมากระซิบที่หูเด็กหนุ่ม “ลุงเจ้าก็บอกแล้วนี่ ระหว่างทางจะเจออะไรมั่ง?”

น้ำเสียงที่ลดลงอย่างฉับพลันทำเอาเขาสะดุ้ง .. ชายผู้นี้รู้ถึงชะตากรรมที่รอเราอยู่? ..



“ขอบคุณที่ดูแลคร้าบ” หนุ่มสองคนในสภาพกึ่งลากกึ่งจูงกันและกันออกจากโบสถ์ทำเอาบาทหลวงส่ายหัวอย่างเสียมิได้

นักบวชยอนเดินเข้ามาจูงท่านให้นั่งลงช้าๆ “อย่าไปสนใจเลยท่าน พระเจ้าย่อมช่วยเหลือบุคคลที่ศรัทธา”

“ข้าคงจะรู้สึกดี ถ้าหากพวกเขาทำสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้สำเร็จ...” บาทหลวงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา



สาธุคุณมอร์เร่ย์หันไปยังแท่นบูชา มือของบาทหลวงชรากำขึ้นเป็นเชิงอ้อนวอนต่อมหาเทวีแห่งแสง ลูซิส

เทียนนับร้อยค่อยๆส่องแสงขึ้นอย่างช้าๆ ลมเบาๆจากบานประตูที่ถูกปิดลงชั่วครูทำให้บรรยากาศในโบสถ์ขลังยิ่งขึ้น

เสียงของนักบวชนับสิบชีวิตร่วมสวดภาวนาร่วมกับบาทหลวงชราดังขึ้นเบาๆภายใต้แสงเทียน

กลิ่นไออ่อนๆของเครื่องหอมบูชาคละคลุ้งไปทั่วโบสถ์ พร้อมกับแสงแห่งความหวังที่ก่อเกิดขึ้นภายใต้รุ่งอรุณแห่งวันใหม่



____________________________________



“นี่คุณ จะพาผมไปที่หนายยยย?” คนทั้งตลาดหันมามองต้นตอของเสียงเอะอะ ... เด็กชายผู้ถูกลากไปตามถนน ...

“อีกนิด อีกนิด อดทนหน่อยเดะ” ผู้เดินนำเด็กหนุ่มปิดหูปิดตาเดินดุ่มๆตรงไปยังร้านยาร้านหนึ่งกลางเมือง

มือของหนุ่มน้อยกำขวานแน่นขณะโดนลาก ทำเอาเจ้าหน้าที่ ทหารหันมามองด้วยความเคืองใจ .. หินปูพื้นเป็นรอยหมด ..



มือหนาของพาลาดินหนุ่มจับรอบลูกบิดสีทองบนประตูไม้เก่าแก่ อีกมือปล่อยจากเด็กหนุ่ม .. เพื่อจัดเสื้อผ้าให้ดูดี ..

ปัง!!

บานประตูโดนกระแทกอย่างแรง ทำเอาเจ้าของร้านสาวสะดุ้งสุดตัว บรรดาผู้นั่งดื่มน้ำยาสีแปลกในร้านต่างหันมามอง

เพล้ง!!

“ฮอล์ลอฟ!! ตาบ้าาาา ชั้นบอกแกกี่ทีแล้วประตูร้านชั้นมันบอบบางเหมือนช๊าน” เสียงแหลมของสาวเจ้าของร้านดังขึ้น

หลังจากขวดยาสีใสตกจากโต๊ะลงไปกระจายอยู่บนพื้น



“ถ้ามาเรียของชั้นบอบบาง ชะรอยมวลดอกไม้คงแห้งเหี่ยวเพียงเพราะแสงเพียงชั่วยามเดียวกระมัง”

ริมฝีปากสีอ่อนของนักรบผู้เลอโฉมขมุบขมิบเป็นเชิงแว้งกัด ทำเอาหน้าของผู้ถูกเรียกว่า‘ของฉัน’กลายเป็นมะเขือเทศ

“ใครของนายยะ!! ตาบ้านี่” มือน้อยๆคว้าขวดยาเปล่าขึ้นมาเตรียมขว้าง .. และมันคงจะพ้นมือนางไปแล้ว หากไม่โดนหยุดไว้



“เว้ยยย เสียงดังอะไรกันเนี่ยย” เสียงแหลมดังลั่นขึ้นมาจากเรือนร่างอ้อนแอ้นของชายผู้หนึ่งในชุดคลุมตัวเล็กๆ

แววตาสีอเมทิสต์ภายใต้หมวกผ้าคลุมสีเลือดหมูฉายแววไม่พอใจอย่างแรง ฮอล์ลอฟยิ้มร่าเป็นการทักทาย

.. ทั้งมาสายเกินกว่านัด พาคนแปลกหน้ามา แล้วยังทำเสียงดังอีก พวกคนแปลกหน้านี่นะ ..



“เอ้า คนพร้อมแล้ว เวทย์เคลื่อนย้ายของชั้นน่ะเสร็จรึยัง?” ฮอล์ลอฟกล่าวเสียงดังพร้อมยืดตัวขึ้นควงหอก

ปึก !! เพล้ง !!

หอกเจ้ากรรมดันไปกระแทกชั้นวางขวดยาซะนี่ ..ขวดยาใบใหญ่ตกลงมาแตกกระจายที่พื้นพร้อมด้วยกลิ่นแอมโมเนียฉุนกึก



“ตาบ้า!! รีบๆทำธุระของนายให้เสร็จเลยไป๊ มันอยู่ในห้องนั้นว้อย” สาวเจ้าของร้านโวยวายลั่นเมือง

มืออันสั่นเทาคว้าของใกล้ตัวปาใส่อาคันตุกะผู้ก่อความเสียหายอย่างไม่ปราณี จนกระทั่ง ...



ฟุ่บ ..

“ลุง.. อย่าหาว่าโหดเลยนะ ร้านเพื่อนลุงจะวินาศหมดแล้ว” หนุ่มร่างบางคว้าคอเสื้อพาลาดินหนุ่มช้าๆ “เข้าใจ๊?”

คำสุดท้ายจบลงพร้อมกับขาขวาที่ยกขึ้นมาตั้งท่าเตรียมถีบ ..

ตูม!!

มือน้อยๆที่คว้าคอเสื้อฮอล์ลอฟไว้พร้อมกับเท้า ส่งร่างหนักเกือบหกสิบกิโลออกไปในอีกห้องของร้านอย่างง่ายดาย !!

เหลือไว้แต่เศษซากจากความวุ่นวายเมื่อครู่ พร้อมด้วยบานประตูไม้ที่แทบจะพัง ... มาเรียมองด้วยสายตาเอือมระอา

“ค่าซ่อมร้าน ชั้นจะเก็บมันจากบัญชีของนาย ตาบ้า” น้ำเสียงของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อสบตากับหนุ่มร่างเล็ก

“ .. อ่า.. ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความช่วยเหลือ” มืออันสั่นเทายื่นขวดยาสีฟ้าอ่อนให้ด้วยความเขินอาย

.. ตาของฮอล์ลอฟแทบลุกเป็นไฟ เมื่อร่างในผ้าคลุมหันไปรับขวดยาก่อนที่จะลากดาบยาวสองเล่มออกมาสมทบกับตน ..



“มารยาท หัดมีซะบ้างคุณพาลาดิน” หนุ่มหน้ามนบ่นเชิงรำคาญพร้อมลากเด็กหนุ่มผู้ถือขวานจากหน้าร้านมากองไว้ในห้อง

สายตาของหนุ่มน้อยทั้งสองมองกวาดไปรอบตัว ... ห้องไม้เก่าๆ แสงจากตะเกียงดวงเดียว.. และ วงเวทย์หน้าตาประหลาด ..

“เอ่อ .. มันคืออะไรหรอ?” ปากที่ไวกว่าสมองของทั้งคู่ถามออกไปโดยไม่ทันคิด ..วงเวทย์ฟ้าอ่อนเรืองรองบนกลางพื้นห้อง..

ฮอล์ลอฟหันมามองด้วยสายตากวนอวัยวะเบื้องต่ำ “ภูธรจริงนะเอ็งสองตัว กะอีแค่เวทย์เคลื่อนย้ายก็ไม่รู้จัก?”

บุคคลที่โดนชื่นชมว่า ‘ภูธร’ ทั้งสองจ้องชายตัวกวนด้วยท่าทางจะกินเลือดกินเนื้อ ฮอล์ลอฟยิ้มยิงฟันอย่างสะใจ

“ใกล้แล้วล่ะ เวลาเดินทางของพวกเรา กว่าข้าจะทำไอนี่ขึ้นมาได้ เสียเวลาเป็นเดือนๆเชียว”

..เบื้องหลังของเขาบังเกิดแสงสว่างสีฟ้าจ้าขึ้นเรื่อยๆ ลายอักขระตามพื้นค่อยๆเรืองแสงช้าๆ..

“เห้ยลืม เหล้าตรู!! ยังไม่ทันเตรียมเลยเว้ย” ว่าแล้วร่างสูงใหญ่ของพาลาดินหนุ่มก็พุ่งปราดไปหน้าประตู

..ช้าไปเสียแล้ว แสงสว่างเรืองรองขึ้นเรื่อยๆ ร่างทั้งสามหายไปในอากาศธาตุราวกับเล่นมายากล..



ตุ๊บ!!

คางของชายหนุ่มกระแทกลงกับพื้นดินแข็งสีอ่อน เขาหน้าคว่ำเพราะแรงพุ่งก่อนถูกส่งตัว

ฮอล์ลอฟเป็นคนแรกที่ถูกส่งมาถึงที่หมาย ตามด้วยเด็กหนุ่มที่ยังงุนงง และหนุ่มน้อยหน้ามนในชุดคลุม



ใบเมเปิ้ลสีแดงลอยผ่านหน้าพวกเขาไป ... เบื้องหน้าคือป่าโปร่งขนาดใหญ่ ทิวเขาไกลปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวนวล

กลีบเมฆสีเงินเต็มฟ้าบดบังแสงอาทิตย์ยามสาย สายลมแผ่วเบาพัดพาความเย็นจากยอดเขามากระทบทั้งสาม...



“เอ่อ .. ที่นี่ที่ไหน ... เรามาทำอะไรที่นี่ แล้ว ท่านคือใครกันแน่?”

เด็กหนุ่มใช้ขวานค้ำยันแทนไม้เท้าพลางเอ่ยคำถามด้วยความงุนงงสุดจะหาที่เปรียบ

ชายร่างใหญ่มองหน้าเด็กน้อยอย่างเอ็นดู .. จะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ควานหาขวดเหล้าที่ยังเหลือในกระเป๋าสะพาย ..

“สำหรับคำถามแรก ที่นี่น่าจะเป็น ที่ราบสูงเซาท์เทิร์นฟอร์ท ..” เขาสะพายกระเป๋าเดินทางตามเดิมพร้อมคว้าหอกมาถือ

“เวทย์เคลื่อนย้ายของท่านไม่สามารถทะลุหมอกเวทย์บนหุบเขาหิมะนั่น… ผู้ปกครองเขตแดนมันแข็งแกร่งเกินไป”

สายตาเฉียบคมของหนุ่มน้อยหน้าใสมองลอดผ้าคลุมไปยังจุดทึบจุดหนึ่งบนยอดเขา .. ทางเข้าถ้ำขนาดใหญ่



“เออว่าไป ลืมแนะนำตัว.. ชั้นชื่อฮอล์ลอฟ เป็นแค่คนที่ได้รับมอบหมายให้เอาพวกแกไปส่ง... ให้ถึงที่หมาย”

ชายหนุ่มยืดสุดตัว เขาเงยหน้าสูดอากาศช้าๆ “เป้าหมายของเจ้าทั้งสอง คือรวบรวมเศษลูกแก้วของอาทรัม ข้าทราบดี”

เด็กทั้งสองเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม แววตาของฮอล์ลอฟตวัดลงมาสังเกตพิรุธ

..คนหนึ่งถอนหายใจ แต่อีกคนกลั้นหายใจสนิท...



“ผม เชสเตอร์ .. ถ้าท่านทราบเป้าหมายของผมแล้ว คงไม่มีอะไรต้องปิดบัง ผมรวบรวมเศษลูกแก้วพวกนั้นให้กับจักรวรรดิ”

เด็กหนุ่มผู้ถือขวานบางสีน้ำตาลเอ่ย .. อัญมณีสีดำกลางขวานเรืองแสงขึ้นช้าๆ พร้อมกับแสงบนยอดเขา ..

ผมสีดำสนิทราวกับนิลของเขาโดนมือของเด็กหนุ่มอีกคนขยี้หัวเอา นัยน์เนตรสีดำข่มลงด้วยความไม่พอใจ

เปรี้ยง!!

“แกพูดก่อนชั้นได้ยังไง เสียมารยาท!!” ฝ่ามือฉาดใหญ่ถูกฟาดลงกลางศีรษะของหนุ่มน้อย ..หัวแทบจะจมดินก็งานนี้..

เจ้าของเสียงแหลมเล็กจับผ้าคลุมให้กระชับพร้อมแนะนำตัว

“ข้าชื่อเฟย์ บุตรแห่งไซเฟอร์ นักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งป้อมปราการตะวันออก จำใส่หัวไว้ซะ!! อ๊าาาาา ฮ่าๆๆ”

นิ้วมือกรีดกรายขึ้นมาเหนือปากที่หัวเราะด้วยความสะใจของหนุ่มหน้ามนนามว่า เฟย์ ทำให้ผู้ถูกรังแกหมั่นไส้ไม่น้อย

“ข้าไม่ยักรู้ว่าไซเฟอร์มีลูกชายชื่อเฟย์ .. ” ฮอล์ลอฟชักสีหน้าสงสัย “แต่ไหนๆก็ไหนๆ เดินไปก็ได้ล่ะมั้ง ไม่กี่ชั่วโมงคงถึง”

“เดี๋ยว .. ชั้นขอถามอะไรนิด .. ใครเป็นผู้จ้างนายมา?” เฟย์ถามด้วยความสงสัยยิ่งกว่า .. ภารกิจนี้ควรจะเป็นความลับนี่ ..

“ชั้น .. คือผู้ว่าจ้างตัวชั้นเอง .. ตามมาให้ดี” ฮอล์ลอฟสาวเท้าเดินก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เด็กทั้งสองวิ่งตามมา

..หิมะตกโปรยปรายลงมาช้าๆ ทันทีที่ย่างก้างออกจากเขตแดนทิวป่าเมเปิ้ล..

.. สายลมเยือกแข็งเป็นสัญญาณของพายุที่กำลังจะมาในไม่ช้า ..



หลายสิบนาทีผ่านไปพร้อมกับความเงียบงัน ร่างทั้งสามเดินฝ่าหิมะที่ตกโปรยปรายมาเกือบชั่วโมง

เบื้องหน้าในสายธารหิมะล้วนมืดมนยิ่งนัก เหลียวหลังไปก็ไม่พบสิ่งใดนอกจากความขาวโพลนของแสงที่สะท้อนจากหิมะ



“บรื๋ยย หนาววุ้ย” คิ้วของนักรบแห่งแสงหนุ่มกระตุกอย่างแรง หิมะที่จับตัวบนขนคิ้วของเขาร่วงออกจากใบหน้างดงาม

มือของทั้งสามพร้อมใจกันกระชับเสื้อคลุมเข้ามาแนบตัวอีกรอบ ฝีเท้าเร่งจังหวะการเดินพลางขยับเข้ามาชิดๆกัน

“ไหนๆก็ไหนๆ มาฟังนิทานก่อนนอนกันมั้ย?” ริมฝีปากซีดบางของฮอล์ลอฟเอ่ยถาม “แต่อย่านอนจริงๆนะเฟ้ย”

“ไม่มีอะไรต้องเสียซะหน่อย เล่ามาสิ” เฟย์ตอบแบบเสียมิได้ พร้อมกับสะบัดชุดคลุมกลับมารอบที่นับไม่ถ้วน

เชสเตอร์พยายามใช้เชือกที่ห้อยจากชุดคลุมของเฟย์มัดขวานแทนการถือ .. ความเย็นบนโลหะกำลังทำให้เกิดแผลหิมะกัด ..



“.. กาลครั้งหนึ่ง ณ เบื้องบนของดินแดนที่พวกเจ้ากำลังยืน หลังเทพแห่งทิวาและราตรีได้สู้กันเพื่อหาผู้ชนะและยุติปัญหา ..”

หิมะที่กระหน่ำทารุณเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ ฮอล์ลอฟถอดส่วนหัวของชุดคลุมออก



“อาทรัม ได้พ่ายแพ้ และถูกผนึกลงในลูกแก้ว พร้อมแบ่งเป็นเก้าส่วนกระจายลงมาบนโลก”

แสงอาทิตย์ทะลุเมฆหนาลงมาสู่ใบหน้าอันหล่อเหลาของนักรบแห่งแสงหนุ่ม ริมฝีปากเรียวเผยอขึ้นอีกครั้ง



“มันทำให้เกิดสงคราม เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ .. และชิ้นส่วนลูกแก้วล้วนถูกผนึกไว้ นานจนเวทย์เริ่มเสื่อมคลาย”

หิมะได้หยุดตกลงอย่างรวดเร็ว ทัศนะวิสัยของกลุ่มเดินทางกว้างขึ้นเล็กน้อย จนเห็นหมู่บ้านเก่าแก่ท่ามกลางหิมะแห่งหนึ่ง



... ณ ตีนเขา ประตูทางเข้าหมู่บ้านอันเก่าแก่สร้างด้วยไม้สีทึบดูแข็งแกร่ง นกกาสีดำสนิทโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้ามัวหม่น ...



“วินโดเนีย เมืองแห่งความหนาวเหน็บตลอดกาล หนึ่งในสถานที่ ที่เชื่อกันว่ามีเศษเสี้ยวแห่งลูกแก้วผนึกไว้ ..”

ฮอล์ลอฟพาเด็กทั้งสองเดินผ่านรั้วไม้เก่าเข้าไปช้าๆ เขากระแทกหอกลงกับพื้นเพื่อสลายมนตราที่ใช้มาตลอดเวลาเดินทาง

ไออุ่นที่ปกคลุมเสื้อผ้าหายไปทีละน้อย จนอุณหภูมิของอากาศเริ่มส่งผลต่อทั้งสามอย่างรุนแรง



“เฮ้ นายบื้อ ทางนี้เจ้าค่า!!” เสียงแหลมเล็กของหญิงสาววัยกลางคนตะโกนขึ้นท่ามกลางหมู่บ้านไม้ภายใต้หิมะสีขาวโพลน

กร๊อบ!!

ดูท่าจะเป็นกระดูกคอของใครซักคนส่งเสียงดังเพราะการหันอย่างรวดเร็ว ..

ฮอล์ลอฟเดินคอเอียงพร้อมลากเชสเตอร์และเฟย์เข้าไปหาหญิงสาวผู้นั้น “สวัสดี อลิเซียร์ ขอบรั่นดีอุ่นๆซักสามแก้ว ด่วนเลย”

“แหม เดินฝ่าหิมะมาเหรอคะ?” หญิงสาวนามอลิเซียร์ปั้นหน้ายิ้มถามอย่างรื่นเริง “.. บ้าเหมือนเดิม ..งึมงำๆ..”

แอ๊ด..

“ทางนี้เลยค่ะ” ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออกเล็กน้อยพอให้แทรกตัวเข้าไปได้ ฮอล์ลอฟยิ้มพลางคว้าสัมภาระพาดไหล่

เฟย์ไม่รอช้าลากเชสเตอร์พุ่งตัวเข้าไปในที่พักทันที



โรงแรมเล็กๆที่ให้บรรยากาศความอบอุ่นตามสไตล์เก่าแก่เป็นอย่างดีแบบนี้เปรียบดังสวรรค์น้อยๆของนักเดินทาง

ชาฝรั่งร้อนๆถูกรินใส่แก้วให้กับเด็กทั้งสอง และเบียร์อุ่นๆ.. ที่ผู้ดื่มกำลัง ‘เท’ ลงไปในคออย่างรวดเร็ว

“ใจเย็นเถอะค่ะ ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย กว่ารถไฟใต้ดินของกอบลินตัวน้อยน่ารักจะใช้งานได้ คงเป็นวันพรุ่งล่ะค่ะ”

อลิเซียร์ เจ้าของโรงแรมส่ายใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นฮอล์ลอฟดื่มอย่างสบายใจเฉกเช่นทุกครั้ง

“เสียดายที่เวทย์เคลื่อนย้ายใช้งานไม่ได้ดังที่คาดการณ์ไว้ ไม่เช่นนั้นท่านคงได้เห็นโรงแรมนี้มีห้องเต็มเมื่อสองวันก่อน”

“เมื่อวันก่อน? เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีนักเดินทางแห่กันมาขนาดนั้นล่ะ” ฮอล์ลอฟย้อนถาม

“ครั้งแรกของการให้บริการรถไฟใต้ดินจากที่นี่สู่เรดคลิฟ ข้ามทวีปกันขนาดนี้” อลิเซียร์คนแก้วกาแฟเล่นแล้วพูดต่อ

“ไม่ว่าจะเดินทางลำบากแค่ไหน ความสนใจย่อมชนะสิคะ ทั้งยังเป็นการข้ามทะเลทรายแบบไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนอีก”

“ตราบใดที่อุโมงค์พวกนั้นมันแข็งแรงพออ่ะนะ สร้างมาเกือบๆร้อยปีกว่าจะสำเร็จ พยายามกันดีจริงๆ” ฮอล์ลอฟยิ้ม

“สิ่งก่อสร้างของพวกเราน่ะ ไม่เปราะบางเหมือนของมนุษย์หรอกนะ”กอบลินตัวเขียวที่นั่งอยู่มุมห้องบ่นเสียงเขียว

“ฮ่าๆ ชั้นแค่พูดเล่นน่า ชั้นรู้ดี ว่าพวกแกมันดันทุรังแค่ไหน!!” ฮอล์ลอฟฮากลิ้งเมื่อเห็นกอบลินโวยวาย

ทำเอากอบลินตัวจ้อยกระโดดเข้าใส่ฮอล์ลอฟพร้อมดึงทึ้งหัวของเขา “กอบลินไม่ผิด กอบลินขยัน กอบลิ้นไม่ผิด!!”

"เห้ย เจ็บนะเว้ยยย" ฮอล์ลอฟพยายามเอามือลากตัวป่วนบนหัวของเขาโยนออกไป แต่นิ้วทั้งสิบของมันมันเกาะแน่นเหลือเกิน..



“เอ่อ .. ถ้าไม่เป็นการเสียเวลา นี่จ๊ะกุญแจ” อลิเซียร์ละสายตาจากเหตุการณ์วุ่นวายในร้านมาดูแลเด็กทั้งสองแทน

กุญแจโลหะเก่าแก่ถูกส่งมอบให้กับเชสเตอร์ที่ทำหน้างงๆ “ห้องบนชั้นสอง ห้องแรกเลยค่ะ ห้องสองศูนย์หนึ่งน้า”



“ขอบคุณครับ ขอตัวออกไปเดินเล่นซักครู่ละกัน” เฟย์ลากเชสเตอร์ออกไปด้านนอกของโรงแรมโดยไม่ทันฟังอลิเซียร์

“ระวังตัวด้วยนะคะ” อลิเซียร์ตะโกนเตือนผ่านประตูหนาของโรงแรมเมื่อทั้งสองเดินออกมา



“นี่ นาย ชั้นมีอะไรจะคุยด้วยหน่อย” เฟย์พูดเปิดประเด็น หลังจากพ้นเขตชุมชน เชสเตอร์เงยหน้ามองเฟย์อย่างสงสัย

.. เป็นครั้งแรกที่ได้สังเกตบุคคลแปลกหน้าผู้นี้ผมสีเงินพร้อมด้วยนัยน์ตาสีอเมทิสต์ฉายแววมุ่งมั่นอย่างรุนแรง ..

“ผมก็กำลังจะถามคุณ เรื่องการเดินทางเพื่อรวบรวม‘สิ่งนั้น’.. ไม่ทราบว่า?” เชสเตอร์หยุดพูดเมื่อเห็นบางสิ่ง เบื้องหน้า..



..วัตถุประหลาดจมอยู่ครึ่งหนึ่งภายใต้โพรงบริเวณโคนของต้นไม้แปลกตาหลังหมู่บ้าน ..

..คลับคล้ายคลับคลาจะเป็นกล่องโลหะทรงกลม แคปซูลประหลาด จากนอกโลก?..

.. เอิ่ม ... ในนิยายแนวไซไฟ-แฟนตาซีคงจะมี แต่ที่นี่ ไม่ใช่!! ..



“มันคืออะไรอ่ะ ...” เชสเตอร์ทำหน้าเหวอพลางเอาขวานน้ำหนักเบาแหวกรากไม้ที่บดบังวัตถุประหลาดอยุ่

“เฟย์ มาช่วยหน่อยสิ ... ฮึบ” มือน้อยๆพยายามใช้ขวานงัดสิ่งของประหลาดขึ้นมาจากหิมะ อันนิดเดียวแต่หนักมหาศาล ..

“ระวัง เผื่อมันมีตัวอะไรอยู่ด้านในเน้อ..” เฟย์กล่าวเตือนด้วยความหวังดี .. แม้มือทั้งสองจะงัดของแปลกชิ้นนี้เต็มที่ ..



ปึ้ก!! “โอ๊ย”

ร่างของเฟย์หงายหลังลงไปแผ่กับหิมะเมื่อมันกระเด็นขึ้นมาจากหิมะให้ยลโฉมกันชัดๆ เชสเตอร์ถอยกรูดหลังกระเด็นขึ้นมา



.. คล้ายๆชามข้าวขนาดยักษ์สองอันประกบกัน ความงดงามจากพื้นหลังสีทองมันวาว และลายดอกไม้สีม่วงที่สลักอย่างปราณีต ..

.. จะว่ามันเป็นที่ใส่ของก็ไม่ใช่... ไอนี่ล่ะมั้งที่คนทั่วไปเค้าเรียกกันว่า “ผอบ” ..



“มันเหมือนจะงดงามจนเรืองแสงได้เลย นายว่ามั้ย..” เฟย์อ้าปากค้างด้วยความตะลึง เท้าของเขาพาตัวเดินเข้าไปใกล้ขึ้น

“เฟย์.. อย่า!!” เชสเตอร์ตะโกนสุดเสียงเมื่อสัญชาตญาณของเขาบอก ว่าสิ่งในนั้น ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาแน่!!



พรึ่บ!! ฟู่ว!!

ควันสีม่วงอ่อนพวยพุ่งขึ้นมาจากผอบ กลิ่นหอมหวานของมวลดอกไม้นานาชนิดฟุ้งกระจายไปทั่ว!!

เชสเตอร์แทบจะคว้าขวานแล้ววิ่งหนี แต่.. เฟย์กลับยืนนิ่งด้วยความหลงใหลบางสิ่ง



..เรือนผมราวกับเส้นไหมสีเงินยาวสลวย ..

..แถบผ้าสีแดงลายดอกไม้สีทองหลุดลุ่ย..

..แววตาสีโลหิตแสนงดงาม..

..ริมฝีปากสีสดแสนเย้ายวน..

และ.. ราวกับโลกทั้งโลกอยู่ในห้วงยามสนทยา เมื่อผู้ซึ่งปรากฏตัวจากควันสีหวานนั้นคลี่ยิ้ม!!





เกร็ดความรู้ : เห็นพิมพ์ผิดกันบ่อยเหลือเกิน ..
เวท - วิชา, ความรู้ เช่นไตรเวท
เวทย์ - พลังวิเศษ
เวทมนตร์ - มนตร์ที่ใช้เวท ... มนตร์ที่ใช้ความรู้อ่ะแหละ
มนต์,มนตร์ - มันตระ คาถาของพราหมณ์-ฮินดู ไว้บูชาบวงสรวงเทพทั้งหลาย
ผอบ -(ผะ-อบ) คือ.. เอ่อ คล้ายๆตลับ หรือที่ใส่ของแบบชามซุปเต้าหู้ตามร้านอาหารสองอันประกบกันละกัน


ปล. รีเควสอะไรในนิยาย จัดให้หมดน้า ถ้ามันน่าสนใจ อิอิ


แก้ไขล่าสุดโดย Ne[M]eSi[s] เมื่อ 2010-12-06, 15:31, ทั้งหมด 7 ครั้ง
Ne[M]eSi[s]
Ne[M]eSi[s]
Moderator
Moderator

Hero : Cless
Hero Name : 水山
จำนวนข้อความ : 58
Post Points : 64821
Reputation : 0
วันที่สมัครสมาชิก : 27/11/2010
อายุ : 28
ที่อยู่ : ในกล่องหน้าบ้านคุณพร้อมป้ายแปะ - เอาไปเลี้ยงที

http://4-9-information-3.blogspot.com/

ขึ้นไปข้างบน Go down

Share this post on: reddit

บทที่3 : ภาระที่คาดไม่ถึง :: Comments

ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

ตั้งหัวข้อ 2010-12-03, 12:35 by ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

น่าจะเว้นบรรทัดอ่ะ - -"

ขึ้นไปข้างบน Go down

Ne[M]eSi[s]

ตั้งหัวข้อ 2010-12-03, 12:36 by Ne[M]eSi[s]

ติดไปหรอครับ? ลองก้อปใส่ เวิร์ด ดูน้า

อ่านง่ายกว่ากันเยอะเลย .. T^T

วันนี้ส่งรุ่นน้องมา เลยกลับไว ไม่งั้นปกติกว่าจะได้กลับบ้าน โน่น 4โมงกว่า ..

ขึ้นไปข้างบน Go down

ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

ตั้งหัวข้อ 2010-12-03, 12:37 by ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

ถ้าเว้นหมดจะดีมาก - -"

ขึ้นไปข้างบน Go down

Ne[M]eSi[s]

ตั้งหัวข้อ 2010-12-03, 12:38 by Ne[M]eSi[s]

ได้จ้า เดะจะลองดูละกัน

กำลังแต่งแบบ 15+อยู่ .. เริ่มต้นบทใหม่ บทที่4 =w=

ขึ้นไปข้างบน Go down

ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

ตั้งหัวข้อ 2010-12-03, 12:38 by ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

18+เลยจิ -.-

ขึ้นไปข้างบน Go down

Ne[M]eSi[s]

ตั้งหัวข้อ 2010-12-03, 12:41 by Ne[M]eSi[s]

เว้นให้แย้วนะ แบบนี้หยอT^T

ขึ้นไปข้างบน Go down

ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

ตั้งหัวข้อ 2010-12-03, 12:42 by ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

อ่านง่ายขึ้นเยอะเลย *0*

ขึ้นไปข้างบน Go down

Ne[M]eSi[s]

ตั้งหัวข้อ 2010-12-03, 12:43 by Ne[M]eSi[s]

รับทราบจ้า ขอตัวอาบน้ำก่อนเน้อ เดะแต่งต่องืบ

ขึ้นไปข้างบน Go down

ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

ตั้งหัวข้อ 2010-12-03, 12:44 by ஓ Keweirrecius Yukionna ¾

จ้าๆ

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ